วัดภูดานไห ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์
ข้อความจากครูร่วมชาติ (ผู้ใกล้ชิดพ่อแม่ครูอาจารย์)
จาก http://board.palungjit.com/f131/หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร-ฝัน-231506-258.html
เอาไว้ให้คุณแม่ชมเล่าให้ฟังอีกทีครับ เท่าที่แม่ชมเคยเล่าให้ฟังที่จำได้เป็นอย่างนี้...วันนั้น มีญาติโยมกราบอาราธนาอยากให้พ่อแม่ครูอาจารย์ได้พาญาติทางภูดานไห ไปกราบหลวงปู่จาม พอตอนกลางคืนท่านก็ได้นั่งอธิษฐานจิต และว่าทุกอย่างทั้งความรู้ ความคิด และทิฎฐิ เพื่อไปกราบหลวงปู่จาม พอไปถึงวัดท่าน ก็ได้นั่งรออยู่ด้านหน้ากุฏิหลวงปู่ จากนั้นก็มีพระเรียกให้เข้าพบ เข้าไปตอนแรก หลวงปู่จามนอนอยู่ พ่อแม่ครูอาจารย์ก้มกราบหลวงปู่จาม ท่านก็ลุกขึ้นมาแล้วเอามือกดหัวและลูบหลังพ่อแม่ครูอาจารย์ คลึงมืออยู่อย่างนั้นไม่ยอมวาง (นานเท่าใดไม่ทราบ) หลวงปู่จามก็เอามือลูบหัว และลูบหลังคลึงมืออยู่อย่างนั้น ซึ่งคุณแม่ชมได้มองดูแล้ว อาการที่หลวงปู่แสดงออกคล้ายๆ กับพ่อลูกที่จากกัน มานานแสนนาน เหมือนกับคนที่เคยอยู่ด้วยกันแล้วจากกัน และมาพบกัน หลวงปู่ก็ก็พูดว่า "สุคโต..เด้อ" อยู่ร่ำไป...คุณแม่ชมที่นั่งอยู่ด้านหลัง รู้สึกปีติจนน้ำตาไหลออกมา
...........................................................................................................
สุคโต แปลทั่วไปว่า เสด็จไปดีแล้ว เป็นพระเนมิตกนามของพระพุทธเจ้า ใช้ว่า สุคต หรือ พระสุคต ก็ได้
เอาไว้ให้คุณแม่ชมเล่าให้ฟังอีกทีครับ เท่าที่แม่ชมเคยเล่าให้ฟังที่จำได้เป็นอย่างนี้...วันนั้น มีญาติโยมกราบอาราธนาอยากให้พ่อแม่ครูอาจารย์ได้พาญาติทางภูดานไห ไปกราบหลวงปู่จาม พอตอนกลางคืนท่านก็ได้นั่งอธิษฐานจิต และว่าทุกอย่างทั้งความรู้ ความคิด และทิฎฐิ เพื่อไปกราบหลวงปู่จาม พอไปถึงวัดท่าน ก็ได้นั่งรออยู่ด้านหน้ากุฏิหลวงปู่ จากนั้นก็มีพระเรียกให้เข้าพบ เข้าไปตอนแรก หลวงปู่จามนอนอยู่ พ่อแม่ครูอาจารย์ก้มกราบหลวงปู่จาม ท่านก็ลุกขึ้นมาแล้วเอามือกดหัวและลูบหลังพ่อแม่ครูอาจารย์ คลึงมืออยู่อย่างนั้นไม่ยอมวาง (นานเท่าใดไม่ทราบ) หลวงปู่จามก็เอามือลูบหัว และลูบหลังคลึงมืออยู่อย่างนั้น ซึ่งคุณแม่ชมได้มองดูแล้ว อาการที่หลวงปู่แสดงออกคล้ายๆ กับพ่อลูกที่จากกัน มานานแสนนาน เหมือนกับคนที่เคยอยู่ด้วยกันแล้วจากกัน และมาพบกัน หลวงปู่ก็ก็พูดว่า "สุคโต..เด้อ" อยู่ร่ำไป...คุณแม่ชมที่นั่งอยู่ด้านหลัง รู้สึกปีติจนน้ำตาไหลออกมา
...........................................................................................................
สุคโต แปลทั่วไปว่า เสด็จไปดีแล้ว เป็นพระเนมิตกนามของพระพุทธเจ้า ใช้ว่า สุคต หรือ พระสุคต ก็ได้
สุคโต ท่านให้ความหมายไว้ 4 นัย คือ
นัยที่ 1 หมายความว่า ผู้มีทางเสด็จที่งาม คือ อริยมรรค อันเป็นทางที่สะอาด ไม่มีโทษ
นัยที่ 2 หมายความว่า ผู้เสด็จไปสู่ที่อันดี คือเสด็จไปสู่พระอมตนิพพาน
นัยที่ 3 หมายความว่า ผู้เสด็จไปแล้วโดยชอบ คือไม่เสด็จหวนกลับมายังกิเลสที่ทรงสละได้แล้วอีก เสด็จไปบำเพ็ญประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่ชาวโลกทั้งปวง และทรงดำเนินไปตามทางสายกลาง ไม่เข้าใกล้ทางสุดโต่งสองทางคือ กามสุขัลลิกานุโยคและอัตตกิลมถานุโยค
นัยที่ 4 หมายความว่า ผู้ตรัสโดยชอบ คือ ตรัสแต่วาจาที่ควร ในฐานะอันควร
..........................................................................................
ข้อความของคุณ manopk จากเว็บพลังจิต 2 ตุลาคม 2554
http://board.palungjit.com/f131/หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร-ฝัน-231506-260.html
สวัสดีครับ
ผมยังไม่รู้จักสมาธิอันใด ไม่รู้จักฌาณอันใด พ่อแม่ครูอาจารย์มีเมตตามากไม่มีประมาณ ท่านคอยสอบถามแนะนำสั่งสอนเสมอ ผมจะได้ไปกราบปฏิบัติธรรมกับพ่อแม่ครูอาจารย์ ก็ตอนสงกรานต์ เพราะโรงงานหยุดยาว ตอนนั้นจะเป็นหน้าร้อนที่วัดจะขาดน้ำ มีน้ำใช้น้อยตอนไปกราบท่านแต่ละครั้ง ผมก็จะทำบุญถวายปัจจัยให้กับท่าน แต่สงกรานต์ปีนี้ ผมไม่ได้พกเงินติดตัวมีเพียงสร้อยทอง 2 สลึง 1 เส้น ก่อนหน้าวันจะกลับหลายวัน ก็ได้สอบถามพ่อแม่ครูอาจารย์ว่า พระปฏิบัติปกติแล้ว จะจับเงินไม่ได้แล้ว สามารถจับทองได้หรือไม่ พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาตอบว่า จับไม่ได้ เมื่อถึงวันจะกลับ ผมก็ได้ปรึกษากับแม่ชมว่า จะถวายทองกับพ่อแม่ครูอาจารย์ ต้องทำอย่างไร แม่ชมก็ให้คำแนะนำว่า ให้เอาใส่ซองขาววางบนพานแล้วกล่าวถวาย เมื่อถึงคืนสุดท้ายก่อนกลับที่ศาลาหอฉัน ผมก็เลือกตอนที่คนน้อย ผมคิดว่าผมได้ตั้งใจทำบุญจากใจจริง ไม่ต้องการให้ผู้อื่นเข้าใจว่า ผมทำบุญเพื่อหน้าตา เพื่อการยกย่องสรรเสิญ บางคนอาจอนุโมธนาบุญด้วย บางคนอาจไม่คิดแบบนั้น ตอนนั้น พ่อแม่ครูอาจารย์ก็นั่งอยู่ที่ศาลาหอฉันตามปกติ เมื่อผมกล่าวแล้ว ขอให้บุญกุศลที่ได้ทำส่งผลให้คุณแม่ของผม มีสุขภาพดี และให้คุณพ่อของผมเลิกเหล้าเสีย ท่านก็ให้วางพานไว้ที่ขอบแคร่ ท่านกล่าวว่า เราได้พิจารณารับไว้แล้ว แต่จะคืนให้กับผมเนื่องด้วยผมยังจำเป็นต้องใช้ เสียดายที่หลวงตามหาบัวท่านมรณะภาพแล้วไม่อย่างนั้น คงจะได้ถวายช่วยชาติ เรื่องคุณพ่อคุณแม่ผมนั้น ท่านก็พิจารณาให้แล้ว แต่ว่าก็สุดแท้แต่เรื่องของกรรม (คุณพ่อคุณแม่ผมท่านทำกรรมกับหมู่สัตว์มากอยู่ครับ เพื่อการดำรงชีวิต) แล้วพ่อแม่ครูอาจารย์ให้ผมมารับกลับ ท่านถามผมว่าดีใจหรือไม่ ผมก็ตอบว่า ดีใจครับ ทั้งหมดนี้ ก็เป็นที่มาของเงินทำบุญศร้างศาลาและหอฉัน ถวายพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ผมได้ทำไป 11,600 บาท เพราะได้นำทองเส้นนั้นไปขายไงครับ ก่อนหน้านี้ ผมได้ฟังธรรมของพระรูปหนึ่ง มีความซึ้งใจ โดนใจ ในธรรมของท่านมาก และได้แสวงหาฟังมาเรื่อยๆ จนได้รู้ว่าเป็นการแสดงธรรมของท่านหลวงตามหาบัว ตั้งแต่สมัย 30 ปีก่อน
พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านก็คงรู้ว่า ผมเคารพนับถือท่านหลวงตามหาบัวยิ่ง พ่อแม่ครูอาจารย์จึงได้หยิบไม้มาให้ผมดูท่อนหนึ่ง แล้วบอกว่าเป็นไม้ที่ใช้ในพิธี (ผมกล่าวไม่ถูกครับเป็นพิธีเผาองค์หลวงตาท่าน) แล้วพ่อแม่ครูอาจารย์ก็ได้มอบภาพหลวงตามหาบัว เป็นจี้หน้าหลังที่เขียนว่า ชาติสุดท้ายให้ผม ผมดีใจมาก แต่ผมก็ไม่ได้แสดงอาการออกมามากนัก
หลังจากที่ออกจากวัดมาแล้ว ผมได้โทรศัพท์ไปที่แม่ชม ให้ช่วยเรียนถามพ่อแม่ครูอาจารย์ว่า เมื่อไรผมจึงจะได้บวช ท่านถามกลับมาว่าจะบวชนานเท่าไร
ผมตอบกลับไปว่า บวชตลอดชีวิตครับ พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านเมตตาตอบกลับมาว่า " อีกระยะหนึ่ง " ได้ยินอย่างนี้แล้วผมปีติมากน้ำตาก็จะไหล ผมตั้งใจแล้วว่า จะสะสางทางโลกนี้เสียให้สิ้นไปภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ แล้วจะขอเดินตามรอยบาทท่าน
แม้จะเป็นความหวังอันเล็กน้อยแต่ความหวังนั้นก็จุดประกายให้สว่างในใจได้ ผมมีครอบครัวแล้วครับนี่ก็เป็นสิ่งแรกที่ต้องเคลียร์ให้ได้ใน 5 ปีนี้ ขอให้เจริญในธรรมนะครับพี่ๆทุกๆท่าน
.........................................................................................................
ข้อความจากครูร่วมชาติ จากเว็บพลังจิต 2 ตุลาคม 2554
http://board.palungjit.com/f131/หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร-ฝัน-231506-260.html
อ่านดูแล้วก็รู้สึกปิติกับคุณเก๋ (มานพ) ด้วย และขออนุโมทนาสาธุด้วยทุกประการ บุญกุศลใดที่คุณเก๋ได้ทำมาแล้วตั้งแต่อดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาตินี้ก็ขอให้บุญกุศลนั้นจงแปรเปลี่ยนเป็นพลังมหาบุญมหากุศลส่งผลให้สิ่งที่คุณเก๋ปรารถนาไว้จงสำเร็จ...ทุกประการ..การปฏิบัติธรรมก็มีความเจริญก้าวหน้าจนได้บรรลุมรรคผลนิพพานด้วยเทอญ...
...อันความเมตตาของพ่อแม่ครูอาจารย์นั้น ท่านไม่มีประมาณครับ ยกตัวอย่างที่ผมเคยร่วมเดินทางไปกับท่านหลายๆ ครั้ง เห็นท่านให้คุณแม่ชมซื้อสิ่งของต่างๆ บางครั้ง ยังคิดว่าทำไมต้องซื้อ บางครั้งก็ซื้อแพงๆ เหตุผลที่ท่านทำอย่างนั้น ก็เพื่อสงเคราะห์โลก คือก่อนซื้อท่านจะให้ดูก่อนว่าเป็นคนชรา คนพิการ หรือเด็ก หากเป็นคนชราก็จะถามว่าอยู่กับใคร มีลูกหลานดูแลหรือเปล่า หากฟังดูแล้วน่าสงสารท่านก็จะสงเคราะห์อย่างมาก....และผู้ที่ร่วมเดินทางไปกับท่านก็จะไม่มีความอดอยาก ท่านจะให้คุณแม่ชมซื้อสิ่งของไว้ตลอดเวลา....นี่แหละความเมตตาของท่านไม่มีประมาณ ผู้ที่อยู่ด้วย และผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเท่านั้น จึงจะรู้... เวลาท่านเทศนาสั่งสอนเรา ท่านก็สั่งสอนออกมาจากใจ... บางครั้ง ผมมานั่งนึกยังรู้สึกละอายใจ ที่ไม่สามารถปฏิบัติตามท่านได้ บางครั้งก็ลืมคำสั่งสอนของท่านเสีย... รู้สึกว่าตัวเองยังหยาบมาก คงต้องใช้เวลา... แต่ท่านก็ยังเมตตาต่อพวกเรามาก แม้จะทำตามได้ไม่มาก หากมีการพัฒนาไปในทางที่ดี ท่านก็ดีใจแล้วว่า คำสั่งสอนของท่านไม่เสียเปล่า... ผมจะพยายามเอาคำว่า "ท่านเอาใจสั่งสอนเราจริง แล้วเราล่ะจริงหรือเปล่า...คนจริงเท่านั้นจึงจะพบคนจริง..." คงต้องใช้เวลาอีกนาน จะนานแค่ไหน ผมก็จะพยายามกระทำเต็มที่ตามภูมิจิต ภูมิธรรม และภูมิปัญญาของผมเอง.... จะพยามเดินตามรอยปฏิปทาของท่านให้ได้ผมขอสัญญา... แม้จะนานเพียงใดก็ตาม... ความเมตตาของพ่อแม่ครูอาจาย์ที่มีต่อเหล่าศิษย์ไม่มีประมาณจริงๆครับ
นัยที่ 1 หมายความว่า ผู้มีทางเสด็จที่งาม คือ อริยมรรค อันเป็นทางที่สะอาด ไม่มีโทษ
นัยที่ 2 หมายความว่า ผู้เสด็จไปสู่ที่อันดี คือเสด็จไปสู่พระอมตนิพพาน
นัยที่ 3 หมายความว่า ผู้เสด็จไปแล้วโดยชอบ คือไม่เสด็จหวนกลับมายังกิเลสที่ทรงสละได้แล้วอีก เสด็จไปบำเพ็ญประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่ชาวโลกทั้งปวง และทรงดำเนินไปตามทางสายกลาง ไม่เข้าใกล้ทางสุดโต่งสองทางคือ กามสุขัลลิกานุโยคและอัตตกิลมถานุโยค
นัยที่ 4 หมายความว่า ผู้ตรัสโดยชอบ คือ ตรัสแต่วาจาที่ควร ในฐานะอันควร
..........................................................................................
ข้อความของคุณ manopk จากเว็บพลังจิต 2 ตุลาคม 2554
http://board.palungjit.com/f131/หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร-ฝัน-231506-260.html
สวัสดีครับ
ผมยังไม่รู้จักสมาธิอันใด ไม่รู้จักฌาณอันใด พ่อแม่ครูอาจารย์มีเมตตามากไม่มีประมาณ ท่านคอยสอบถามแนะนำสั่งสอนเสมอ ผมจะได้ไปกราบปฏิบัติธรรมกับพ่อแม่ครูอาจารย์ ก็ตอนสงกรานต์ เพราะโรงงานหยุดยาว ตอนนั้นจะเป็นหน้าร้อนที่วัดจะขาดน้ำ มีน้ำใช้น้อยตอนไปกราบท่านแต่ละครั้ง ผมก็จะทำบุญถวายปัจจัยให้กับท่าน แต่สงกรานต์ปีนี้ ผมไม่ได้พกเงินติดตัวมีเพียงสร้อยทอง 2 สลึง 1 เส้น ก่อนหน้าวันจะกลับหลายวัน ก็ได้สอบถามพ่อแม่ครูอาจารย์ว่า พระปฏิบัติปกติแล้ว จะจับเงินไม่ได้แล้ว สามารถจับทองได้หรือไม่ พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาตอบว่า จับไม่ได้ เมื่อถึงวันจะกลับ ผมก็ได้ปรึกษากับแม่ชมว่า จะถวายทองกับพ่อแม่ครูอาจารย์ ต้องทำอย่างไร แม่ชมก็ให้คำแนะนำว่า ให้เอาใส่ซองขาววางบนพานแล้วกล่าวถวาย เมื่อถึงคืนสุดท้ายก่อนกลับที่ศาลาหอฉัน ผมก็เลือกตอนที่คนน้อย ผมคิดว่าผมได้ตั้งใจทำบุญจากใจจริง ไม่ต้องการให้ผู้อื่นเข้าใจว่า ผมทำบุญเพื่อหน้าตา เพื่อการยกย่องสรรเสิญ บางคนอาจอนุโมธนาบุญด้วย บางคนอาจไม่คิดแบบนั้น ตอนนั้น พ่อแม่ครูอาจารย์ก็นั่งอยู่ที่ศาลาหอฉันตามปกติ เมื่อผมกล่าวแล้ว ขอให้บุญกุศลที่ได้ทำส่งผลให้คุณแม่ของผม มีสุขภาพดี และให้คุณพ่อของผมเลิกเหล้าเสีย ท่านก็ให้วางพานไว้ที่ขอบแคร่ ท่านกล่าวว่า เราได้พิจารณารับไว้แล้ว แต่จะคืนให้กับผมเนื่องด้วยผมยังจำเป็นต้องใช้ เสียดายที่หลวงตามหาบัวท่านมรณะภาพแล้วไม่อย่างนั้น คงจะได้ถวายช่วยชาติ เรื่องคุณพ่อคุณแม่ผมนั้น ท่านก็พิจารณาให้แล้ว แต่ว่าก็สุดแท้แต่เรื่องของกรรม (คุณพ่อคุณแม่ผมท่านทำกรรมกับหมู่สัตว์มากอยู่ครับ เพื่อการดำรงชีวิต) แล้วพ่อแม่ครูอาจารย์ให้ผมมารับกลับ ท่านถามผมว่าดีใจหรือไม่ ผมก็ตอบว่า ดีใจครับ ทั้งหมดนี้ ก็เป็นที่มาของเงินทำบุญศร้างศาลาและหอฉัน ถวายพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ผมได้ทำไป 11,600 บาท เพราะได้นำทองเส้นนั้นไปขายไงครับ ก่อนหน้านี้ ผมได้ฟังธรรมของพระรูปหนึ่ง มีความซึ้งใจ โดนใจ ในธรรมของท่านมาก และได้แสวงหาฟังมาเรื่อยๆ จนได้รู้ว่าเป็นการแสดงธรรมของท่านหลวงตามหาบัว ตั้งแต่สมัย 30 ปีก่อน
พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านก็คงรู้ว่า ผมเคารพนับถือท่านหลวงตามหาบัวยิ่ง พ่อแม่ครูอาจารย์จึงได้หยิบไม้มาให้ผมดูท่อนหนึ่ง แล้วบอกว่าเป็นไม้ที่ใช้ในพิธี (ผมกล่าวไม่ถูกครับเป็นพิธีเผาองค์หลวงตาท่าน) แล้วพ่อแม่ครูอาจารย์ก็ได้มอบภาพหลวงตามหาบัว เป็นจี้หน้าหลังที่เขียนว่า ชาติสุดท้ายให้ผม ผมดีใจมาก แต่ผมก็ไม่ได้แสดงอาการออกมามากนัก
หลังจากที่ออกจากวัดมาแล้ว ผมได้โทรศัพท์ไปที่แม่ชม ให้ช่วยเรียนถามพ่อแม่ครูอาจารย์ว่า เมื่อไรผมจึงจะได้บวช ท่านถามกลับมาว่าจะบวชนานเท่าไร
ผมตอบกลับไปว่า บวชตลอดชีวิตครับ พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านเมตตาตอบกลับมาว่า " อีกระยะหนึ่ง " ได้ยินอย่างนี้แล้วผมปีติมากน้ำตาก็จะไหล ผมตั้งใจแล้วว่า จะสะสางทางโลกนี้เสียให้สิ้นไปภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ แล้วจะขอเดินตามรอยบาทท่าน
แม้จะเป็นความหวังอันเล็กน้อยแต่ความหวังนั้นก็จุดประกายให้สว่างในใจได้ ผมมีครอบครัวแล้วครับนี่ก็เป็นสิ่งแรกที่ต้องเคลียร์ให้ได้ใน 5 ปีนี้ ขอให้เจริญในธรรมนะครับพี่ๆทุกๆท่าน
.........................................................................................................
ข้อความจากครูร่วมชาติ จากเว็บพลังจิต 2 ตุลาคม 2554
http://board.palungjit.com/f131/หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร-ฝัน-231506-260.html
อ่านดูแล้วก็รู้สึกปิติกับคุณเก๋ (มานพ) ด้วย และขออนุโมทนาสาธุด้วยทุกประการ บุญกุศลใดที่คุณเก๋ได้ทำมาแล้วตั้งแต่อดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาตินี้ก็ขอให้บุญกุศลนั้นจงแปรเปลี่ยนเป็นพลังมหาบุญมหากุศลส่งผลให้สิ่งที่คุณเก๋ปรารถนาไว้จงสำเร็จ...ทุกประการ..การปฏิบัติธรรมก็มีความเจริญก้าวหน้าจนได้บรรลุมรรคผลนิพพานด้วยเทอญ...
...อันความเมตตาของพ่อแม่ครูอาจารย์นั้น ท่านไม่มีประมาณครับ ยกตัวอย่างที่ผมเคยร่วมเดินทางไปกับท่านหลายๆ ครั้ง เห็นท่านให้คุณแม่ชมซื้อสิ่งของต่างๆ บางครั้ง ยังคิดว่าทำไมต้องซื้อ บางครั้งก็ซื้อแพงๆ เหตุผลที่ท่านทำอย่างนั้น ก็เพื่อสงเคราะห์โลก คือก่อนซื้อท่านจะให้ดูก่อนว่าเป็นคนชรา คนพิการ หรือเด็ก หากเป็นคนชราก็จะถามว่าอยู่กับใคร มีลูกหลานดูแลหรือเปล่า หากฟังดูแล้วน่าสงสารท่านก็จะสงเคราะห์อย่างมาก....และผู้ที่ร่วมเดินทางไปกับท่านก็จะไม่มีความอดอยาก ท่านจะให้คุณแม่ชมซื้อสิ่งของไว้ตลอดเวลา....นี่แหละความเมตตาของท่านไม่มีประมาณ ผู้ที่อยู่ด้วย และผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเท่านั้น จึงจะรู้... เวลาท่านเทศนาสั่งสอนเรา ท่านก็สั่งสอนออกมาจากใจ... บางครั้ง ผมมานั่งนึกยังรู้สึกละอายใจ ที่ไม่สามารถปฏิบัติตามท่านได้ บางครั้งก็ลืมคำสั่งสอนของท่านเสีย... รู้สึกว่าตัวเองยังหยาบมาก คงต้องใช้เวลา... แต่ท่านก็ยังเมตตาต่อพวกเรามาก แม้จะทำตามได้ไม่มาก หากมีการพัฒนาไปในทางที่ดี ท่านก็ดีใจแล้วว่า คำสั่งสอนของท่านไม่เสียเปล่า... ผมจะพยายามเอาคำว่า "ท่านเอาใจสั่งสอนเราจริง แล้วเราล่ะจริงหรือเปล่า...คนจริงเท่านั้นจึงจะพบคนจริง..." คงต้องใช้เวลาอีกนาน จะนานแค่ไหน ผมก็จะพยายามกระทำเต็มที่ตามภูมิจิต ภูมิธรรม และภูมิปัญญาของผมเอง.... จะพยามเดินตามรอยปฏิปทาของท่านให้ได้ผมขอสัญญา... แม้จะนานเพียงใดก็ตาม... ความเมตตาของพ่อแม่ครูอาจาย์ที่มีต่อเหล่าศิษย์ไม่มีประมาณจริงๆครับ
พ.สุรเตโช พระผู้มีสุคโต
เส้นเกศาของพ่อแม่ครูอาจารย์ (พ.สุรเตโช)
ภาพพิเศษ เป็นภาพพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ขณะพาเหล่านักรบธรรมธุดงค์ เพื่อศึกษาสภาวะธรรมจากการขึ้นเขา ณ ภูดานไห อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ 25 กันยายน 2554 แสงที่ปรากฏนั้น เกิดขึ้นในสภาวะปรกติของกล้องถ่ายรูป แต่แสงสว่างนั้น ว่ากันว่า เป็นแสงรังสีภายในของท่าน ที่กล้องสามารถบันทึกได้ (โปรดพิจารณาด้วยตัวท่านเอง)
บันทึกไว้ระหว่างการเดินทางแสวงบุญขึ้นภูดานไห
เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2554 เวลา: 11:19:00
กราบสาธุค่ะ
ตอบลบน้อมกราบ ท่านพ่อ. พ.สุรเตโชภิกขุ.สาธุ. สาธุ. สาธุครับ
ตอบลบ